การบรรณาธิกรณ์ข้อมูล
ตารางต่อไปนี้จะแสดงระดับความสำคัญของ Opertor ต่างๆจากมากไปน้อย โดย Opertor ที่มีระดับความสำคัญสูงจะถูกคำนวณก่อน และถ้ามี opertor ที่มีระดับความสำคัญเดียวกันในสูตร Excel จะคำนวณจากซ้ายไปขวาทีละตัว
การจัดการเวิร์กชีตและเวิร์กบุ๊ค Ecxel
ลักษณะข้อมูลมีหลายประเภท เช่น ข้อมูลดิบ, ข้อมูลที่ผ่านการวิเคราะห์ เราควรแยกคุณสมบัติของข้อมูลเหล่านี้ไว้คนละเวิร์กชีต เพื่อความเป็นระเบียบเรียนร้อยง่ายต่อการเรียกดู
การจัดการเวิร์กชีต
ตั้งชื่อเวิร์กชีตให้สื่อความหมาย
Excel อนุญาตให้ตั้งชื่อใหม่ให้กับเวิร์กชีตแต่ละหน้าได้อย่างอิสระ ดังนั้นเพื่อให้ทราบว่าเวิร์กชีตไหนเก็บข้อมูลอะไร ก็ควรตั้งชื่อให้สื่อความหมายกับเวิร์กชีตที่ใช้งานด้วย ซึ่งจะต้องไม่เกิน 32 ตัวอักษร

เลือกและแสดงหน้าเวิร์กชีต

การลบเวร์กชีตออกจากเวิร์กบุ๊ค

การใส่สีให้เวิร์กชีต

การย้ายสลับตำแหน่งเวิร์กชีต ให้เราลากเมาส์ที่แท็บชื่อของเวิร์กชีตค้างไว้ แล้วถึงจุดที่ต้องการย้ายก็ปล่อยเมาส์
การจัดการวินโดว์ของเวิร์กชีต
ย่อและขยายมุมมองเวิร์กชีต |
วิธีที่ 1 |
1. คลิกลูกศร ![]() |
2.เลือกขนาดจากรายการ หรือระบุเองก็ได้ |

วิธีที่ 2 |
1. เลือก View --> Zoom ( มุมมอง --> ย่อขยาย ) |
2. คลิกเลือกขนาดที่จะย่อขยาย ขนาดปกติคือ 100% |
ถ้าใช้ค่ามากกว่า 100% จะเป็นการขยายและถ้าน้อยกว่า 100% จะเป็นการย่อ |
3. คลิกปุ่ม Ok |
การแบ่งวินโดว์เพื่อจัดการกับตารางข้อมูลขนาดใหญ่
การแบ่งวินโดว์แนวตั้ง


การแบ่งวินโดว์แนวนอน

การตั้งชื่อและใช้สูตรคำนวณ Excel
ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว นั้น ได้อธิบายว่าเซลต่างๆในเวิร์กชีตจะมีชื่อเรียกว่า Cell reference หรือ "ชื่อเดิม" ของเซลอยู่ทุกๆเซล ซึ่งชื่อนี้จะประกอบไปด้วยชื่อคอลัมนและแถวของเซลนัน้มารวมกัน เช่น เซลที่อยู่ตรงคอลัมน์ F แถวที่ 8 ก็จะเรียกว่าเซล F8 แต่ในการทำงานจริงบางครั้งจำเป็นต้องตั้งชื่อเซลให้สื่อความหมายมากกว่านี้ เพื่อให้นำไปใช้งานได้ง่ายและสะดวกขึ้น เช่น ถ้ามีเซลอยู่กลุ่มหนึ่งซึ่งเก็บจำนวนเงินที่นำเข้าสินค้าเดือนกุมภาพันธุ์ แทนที่จะเรียก "E5:E8" แต้ถ้าเราตั้งว่า Feb หรือ ก.พ. ก็น่าจะเข้าใจมากกว่า
ตั้งชื่อเซลเพื่อให้เรียกใช้ได้ง่าย
ตั้งชื่อใหม่ให้เซลหรือกลุ่มเซล |
ตั้งชื่ออัตโนมัติจากหัวคอลัมน์หรือหัวแถว |

อธิบาย
| |
ชื่อ
|
กลุ่มเซลล์
|
กุมภาพันธุ์
|
เซลล์ B3 - B7
|
มีนาคม
|
เซลล์ C3 - C7
|
ตั้งชื่อเซลโดยใช้ กล่องชื่อ ( Name box )
วิธีนี้เป็นวิธีที่ง่ายและรวดเร็วที่สุดในการตั้งชื่อเซลหรือกลุ่มเซลเพียงกลุ่มเดียว เพราะคุณสามารถจะพิมพ์ชื่อเข้าไปในช่อง name box (กล่องชื่อ) ได้ทันที ( วิธีนี้ใช้ตั้งชื่อเซลได้อย่างเดียว แต่จะลบหรือเปลี่ยนชื่อไม่ได้ )
1. เลือกเซลหรือกลุมเซลที่ต้องการตั้งชื่อเป็นชื่อเดียวกัน
2. คลิกที่ช่อง name box (กล่องชื่อ) พิมพ์ชื่อหรือกลุ่มเซล
3. เสร็จแล้วกด Enter
ประโยชน์ของชื่อเซลที่ตั้งเอง
วิธีนี้เป็นวิธีที่ง่ายและรวดเร็วที่สุดในการตั้งชื่อเซลหรือกลุ่มเซลเพียงกลุ่มเดียว เพราะคุณสามารถจะพิมพ์ชื่อเข้าไปในช่อง name box (กล่องชื่อ) ได้ทันที ( วิธีนี้ใช้ตั้งชื่อเซลได้อย่างเดียว แต่จะลบหรือเปลี่ยนชื่อไม่ได้ )
1. เลือกเซลหรือกลุมเซลที่ต้องการตั้งชื่อเป็นชื่อเดียวกัน
2. คลิกที่ช่อง name box (กล่องชื่อ) พิมพ์ชื่อหรือกลุ่มเซล
3. เสร็จแล้วกด Enter
ประโยชน์ของชื่อเซลที่ตั้งเอง

การดูผลลัพธ์จากแถบสถานะ
1. เลือกกลุ่มเซลที่ต้องการนำมาคำนวรค่า
2. คลิกขวาบนแถบ Status ( สถานะ ) แล้วเลือกผลลัพธ์ที่ต้องการจากเมนูลัดซึ่งจะประกอบด้วย
None (ไม่มี) ไม่ต้องคำนวณหาผลลัพธ์ใดๆเลย
Average (ค่าเฉลี่ย) หาค่าเแลี่ยของตัวเลข
Count (จำนวนนับ) นับจำนวนเวลทั้งหมดที่คุณเลือกไว้
Count Nums (นับเฉพาะสิ่งที่เป้นตัวเลข) นับจำนวนเซลที่เป็นตัวเลข
Max (ค่ามากที่สุด) หาค่าสูงสุดจากทุกๆเซลที่เลือก
Min (ค่าน้อยที่สุด) หาค่าต่ำสุดจากทุกๆเซลที่เลือก
Sum (ผลรวม) หาผลรวมของตัวเลข
2. คลิกขวาบนแถบ Status ( สถานะ ) แล้วเลือกผลลัพธ์ที่ต้องการจากเมนูลัดซึ่งจะประกอบด้วย
None (ไม่มี) ไม่ต้องคำนวณหาผลลัพธ์ใดๆเลย
Average (ค่าเฉลี่ย) หาค่าเแลี่ยของตัวเลข
Count (จำนวนนับ) นับจำนวนเวลทั้งหมดที่คุณเลือกไว้
Count Nums (นับเฉพาะสิ่งที่เป้นตัวเลข) นับจำนวนเซลที่เป็นตัวเลข
Max (ค่ามากที่สุด) หาค่าสูงสุดจากทุกๆเซลที่เลือก
Min (ค่าน้อยที่สุด) หาค่าต่ำสุดจากทุกๆเซลที่เลือก
Sum (ผลรวม) หาผลรวมของตัวเลข

ตัวดำเนินการ
ตัวดำเนินการทางคณิตศาสตร์
Opertor
|
ความหมาย
|
ตัวอย่างการใช ้
|
+
|
บวก
|
4+7
|
-
|
ลบ
|
15-3 หรือ -6
|
*
|
คูณ
|
8*3.5
|
/
|
หาร
|
9/4
|
%
|
เปอร์เซ็นต์
|
3%(มีค่าเท่ากับ 0.03)
|
^
|
ยกกำลัง
|
2^3(หมายถึง 2 ยกกำลัง3)
|
ตัวดำเนินการเปรียบเทียบ
Operator
|
ความหมาย
|
ตัวอย่างการใช ้
|
=
|
เท่ากับ
|
A1= B1
|
>
|
มากกว่า
|
A1> B1
|
<
|
น้อยกว่า
|
A1< B1
|
>=
|
มากกว่าหรือเท่ากับ
|
A1>= B1
|
<=
|
น้อยกว่าหรือเท่ากับ
|
A1<= B1
|
<>
|
ไม่เท่ากับ
|
A1<> B1
|
ตัวดำเนินการกับข้อความ ( Text Operator )
|
ข้อความในที่นี้อาจเป็นตัวอักษรเพียงตัวเดียว ข้อความทั้งประโยค หรือข้อความที่ไม่มีตัวอักษรอะไรเลยก็ได้ (null string ) ซึ่งเวลาเขียนจะใช้เครื่องหมายคำพูดปิดและเปิดติดกันดังนี้ " "
Operator ความหมาย ตัวอย่างการใช ้
& นำข้อความตั้งแต่ 2 ข้อความข้อความขึ้นไปมาต่อเป็นข้อความเดียวกัน "บริษัท"& "อาหารไทย" หรือ A1&B1& C1
Operator ความหมาย ตัวอย่างการใช ้
& นำข้อความตั้งแต่ 2 ข้อความข้อความขึ้นไปมาต่อเป็นข้อความเดียวกัน "บริษัท"& "อาหารไทย" หรือ A1&B1& C1
ระดับความสำคัญ
Opertor แต่ละตัวมีระดับความสำคัญไม่เท่ากัน เช่น เราใส่สูตร =2+3*5 โดยเราต้องการใหโปรแกรมนำ 2+5 (ได้5) แล้วนำไปคูณกับ 5 จะได้เป็น 25 แต่เครื่องหมายคูณ* มีระดับความสำคัญสูงกว่าบวก + โปรแกมจึงนำ3*5 ก่อน(ได้15) แล้วจึงบวกกับ 2 ได้เป็น 17 วิธีที่จะบังคับให้ Excel คิดเหมือนที่เรา ก็คือใส่ ( ) คร่อมส่วนที่ต้องการคำนวณก่อนเป็น =(2+3)*5 เท่านี้ก็ได้คำตอบที่ถูกต้องแน่นอน
ตารางต่อไปนี้จะแสดงระดับความสำคัญของ Opertor ต่างๆจากมากไปน้อย โดย Opertor ที่มีระดับความสำคัญสูงจะถูกคำนวณก่อน และถ้ามี opertor ที่มีระดับความสำคัญเดียวกันในสูตร Excel จะคำนวณจากซ้ายไปขวาทีละตัว

การสร้างสูตรคำนวณ
พิมพ์สูตรคำนวณด้วยตัวเอง
วิธีที่ง่ายที่สุดในการสร้างสูตรก็คือพิมพ์ทุกอย่างลงไปเอง ไม่ว่าจะเป็นชื่อเซล ตัวเลข หรือเครื่องหมายคำนวณต่างๆ
1. คลิกเลือกเซลที่จะใส่สูตรคำนวณ
2. พิมพ์เครื่องหมาย =
3. พิมพ์สูตรโดยใช้ชื่อเซล หรือตำแหน่งเซล
4. กด Enter ก็ขะได้ผลลัพธ์
วิธีที่ง่ายที่สุดในการสร้างสูตรก็คือพิมพ์ทุกอย่างลงไปเอง ไม่ว่าจะเป็นชื่อเซล ตัวเลข หรือเครื่องหมายคำนวณต่างๆ
1. คลิกเลือกเซลที่จะใส่สูตรคำนวณ
2. พิมพ์เครื่องหมาย =
3. พิมพ์สูตรโดยใช้ชื่อเซล หรือตำแหน่งเซล
4. กด Enter ก็ขะได้ผลลัพธ์

ฟังก์ชั่นและสูตรคำนวณ
ฟังก์ชั่นถ้าเราจะกล่าวถึงก็เหมือนกับว่าเป็น Operand ตัวหนึ่ง โดยในสูตรอาจประกอบไปด้วยฟังก์ชั่นอย่างเดียว เช่น AVERAGE( A2:A5:B12 )ซึ่งเป็นการหาค่าเฉลี่ยของตัวเลขในเซล 3 เซลในวงเล็บ หรืออาจมีฟังก์ชั่นปนกับข้อมูลอื่น เช่น =B4/SUM( D5:F5) คือให้นำผลรวมของเซล D5 ถึง F5 ไปหารค่าในเซล B4
สำหรับอาร์กิวเมนต์ที่เป็นชื่อเซล จะพิมพ์ลงไปเองหรือคลิกเมาส์เลือกก็ได้
สำหรับอาร์กิวเมนต์ที่เป็นชื่อเซล จะพิมพ์ลงไปเองหรือคลิกเมาส์เลือกก็ได้

ใช้ปุ่ม Insert Function หรือแถบสูตรคำนวณ ช่วยใส่ฟังก์ชั่น
1. คลิกเซลที่ใส่ฟังก์ชั่น
2. คลิกปุ่ม
Insert Function ( แทรกฟังก์ชั่น )หรือกด Shift+ F3
3. คลิกเลือกประเภทของฟังก์ชั่นจากเมนูของช่อง Or select a category ( หรือเลือกประเภท ) เช่น AVERAGE
4. คลิก ตกลง
1. คลิกเซลที่ใส่ฟังก์ชั่น
2. คลิกปุ่ม

3. คลิกเลือกประเภทของฟังก์ชั่นจากเมนูของช่อง Or select a category ( หรือเลือกประเภท ) เช่น AVERAGE
4. คลิก ตกลง

5. คลิกปุ่ม Collapse
6. ใช้เมาส์คลิกที่เป็นอาร์กิวเมนต์หรือที่จะนำมาคำนวณ คลิกปุ่ม Collapse
7. กด ตกลงเพื่อจบสูตร
เลือกฟังก์ชั่นจากปุ่ม
AotoSum ( ผลรวมอัตโนมัติ )
สำหรับฟังก์ชั่นต่างๆทำหน้าที่ต่างๆดังต่อไปนี้
Sum (ผลรวม) หาผลรวมของตัวเลข
Average (ค่าเฉลี่ย) หาค่าเฉลี่ยเลขคณิต
Count (จำนวน) นับจำนวนเซลทั้งหมดที่คุณเลือกไว้
Max (ค่ามากที่สุด) หาค่าสูงสุดจากทุกๆเซลที่เลือก
Min (ค่าน้อยที่สุด) หาค่าต่ำสุดของตัวเลข
More Functions (ฟังก์ชั่นเพิ่มเติม) ไปเลือกฟังก์ชั่นอื่นๆ
6. ใช้เมาส์คลิกที่เป็นอาร์กิวเมนต์หรือที่จะนำมาคำนวณ คลิกปุ่ม Collapse
7. กด ตกลงเพื่อจบสูตร
เลือกฟังก์ชั่นจากปุ่ม

สำหรับฟังก์ชั่นต่างๆทำหน้าที่ต่างๆดังต่อไปนี้
Sum (ผลรวม) หาผลรวมของตัวเลข
Average (ค่าเฉลี่ย) หาค่าเฉลี่ยเลขคณิต
Count (จำนวน) นับจำนวนเซลทั้งหมดที่คุณเลือกไว้
Max (ค่ามากที่สุด) หาค่าสูงสุดจากทุกๆเซลที่เลือก
Min (ค่าน้อยที่สุด) หาค่าต่ำสุดของตัวเลข
More Functions (ฟังก์ชั่นเพิ่มเติม) ไปเลือกฟังก์ชั่นอื่นๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น